หน้าแรก
- - - - -SHOP- - - - -
WishList
ถึงเวลาอัปเกรดเครื่องมือช่างคู่ใจของคุณแล้ว!
บทความ
เกี่ยวกับเรา
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ สว่านโรตารี่ไร้สาย >>
สว่านเจาะปูน: เคล็ดลับการเลือกใช้ให้ถูกงาน
สว่านเจาะปูน: เคล็ดลับการเลือกใช้ให้ถูกงาน

สว่านเจาะปูน: เคล็ดลับการเลือกใช้ให้ถูกงาน

 


 

ทำไมต้องรู้เรื่องสว่านเจาะปูน ตัวช่วยงานช่างที่ขาดไม่ได้

 

เอ้า! ใครมันจะไปคิดว่าไอ้เจ้าสว่านเจาะปูนเนี่ย มันมีอะไรให้เลือกเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่หยิบๆ จับๆ ตัวไหนก็ได้นะน้องๆ เชื่อช่างเถอะว่าการเลือกสว่านให้ถูกกับงาน มันเหมือนกับการเลือกอาวุธให้เหมาะสมกับศึกสงคราม ถ้าเลือกผิด รับรองว่าเหนื่อยฟรี แถมงานอาจจะไม่เนี้ยบอีกต่างหาก ทีนี้เรามาดูกันว่าทำไมไอ้เจ้าสว่านเจาะปูนมันถึงสำคัญนักหนาในโลกของงานช่าง

 

ลองจินตนาการดูนะน้องๆ เวลาเราต้องเจาะผนังคอนกรีตแข็งๆ เหมือนหิน หรือจะเจาะเสาปูนหนาๆ เพื่อยึดโครงสร้างต่างๆ ถ้าไม่มีสว่านเจาะปูนเนี่ย รับรองว่าได้เหงื่อท่วมตัว เจ็บแขน เจ็บไหล่ไปเป็นอาทิตย์ แถมรูที่ได้ก็อาจจะไม่กลม ไม่ได้ขนาด หรือบางทีก็เจาะไม่เข้าเลยด้วยซ้ำ นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมสว่านเจาะปูนถึงเป็นเหมือนมือขวาของช่าง เพราะมันช่วยให้งานที่ยากแสนยากกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องออกแรงเยอะ ไม่ต้องเหนื่อยฟรี ที่สำคัญคือ งานมันออกมาดี มีคุณภาพ นี่แหละคือหัวใจของการทำงานช่าง

 

นอกจากเรื่องของแรงกายแล้ว เรื่องของเวลาก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเรามีสว่านที่เหมาะสมกับงาน เราสามารถทำงานได้เร็วขึ้น ประหยัดเวลาไปได้เยอะ ลองคิดดูนะ ถ้าต้องเจาะรูเป็นสิบเป็นร้อยรู แล้วสว่านที่เราใช้มันไม่เอื้ออำนวยเนี่ย งานมันจะลากยาวไปแค่ไหน เสียทั้งเวลา เสียทั้งกำลังใจ เพราะฉะนั้นแล้ว การลงทุนกับสว่านเจาะปูนที่ดีและเลือกใช้ให้ถูกงาน มันคือการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ ในระยะยาว มันช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้งานที่ออกมาดีที่สุด และที่สำคัญคือ ทำให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น อาจจะพักผ่อน หรือรับงานใหม่ๆ เพิ่มเติมก็ได้ เห็นไหมล่ะว่ามันสำคัญขนาดไหน

 


 

ความแตกต่างสว่านโรตารี่ vs สว่านกระแทก เลือกใช้ให้ตรงความต้องการ

 

มาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยว่า ไอ้เจ้าสว่านเจาะปูนเนี่ย มันมีกี่แบบกันแน่ แล้วแต่ละแบบมันต่างกันยังไง? ช่างบอกเลยว่าหลักๆ แล้วที่เราใช้กันบ่อยๆ ในงานเจาะปูนเนี่ย มีอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ คือ สว่านกระแทก (Impact Drill) กับ สว่านโรตารี่ (Rotary Hammer Drill) สองตัวนี้หน้าตาอาจจะคล้ายกัน แต่หลักการทำงานและประสิทธิภาพต่างกันลิบลับเลยน้องๆ

 

เริ่มจาก สว่านกระแทก ก่อนนะ ไอ้เจ้าตัวนี้เนี่ย มันจะมีระบบการทำงานแบบที่เรียกว่า กระแทก ซึ่งหมายความว่าเวลาเราเจาะ มันจะหมุนพร้อมกับกระแทกไปข้างหน้าด้วยหลักการที่ดอกสว่านจะถูกดันออกไปข้างหน้าแล้วกระแทกกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนช่วยในการเจาะผนังปูนได้ดีขึ้นกว่าสว่านธรรมดาๆ เหมาะสำหรับงานเจาะปูนที่ไม่หนามาก หรือเจาะผนังอิฐทั่วไป เช่น การแขวนรูป ติดตั้งชั้นวางของเล็กๆ น้อยๆ หรืองานเจาะฝังพุกที่ไม่ต้องรับน้ำหนักเยอะๆ ข้อดีของมันคือ น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ หรือช่างที่ทำงานเบาๆ เป็นหลัก แต่ถ้าไปเจอคอนกรีตเสริมเหล็กหนาๆ หรือปูนที่แข็งมากๆ เนี่ย สว่านกระแทกอาจจะเอาไม่อยู่ ต้องออกแรงเยอะ เจาะยาก และดอกสว่านอาจจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ

 

ทีนี้มาดูพระเอกของเรา สว่านโรตารี่ กันบ้าง ไอ้เจ้าตัวนี้เนี่ย มันคือสว่านสำหรับงานหนัก เจาะปูนจริงจัง หลักการทำงานของมันจะใช้ระบบลูกสูบลม หรือลูกกระแทก ทำให้เกิดแรงกระแทกที่รุนแรงและสม่ำเสมอ ซึ่งแตกต่างจากสว่านกระแทกที่อาศัยการกระแทกเชิงกล สว่านโรตารี่เนี่ยมันมีโหมดการทำงานให้เลือกหลายแบบ ทั้ง เจาะธรรมดา (หมุนอย่างเดียว) สำหรับเจาะไม้หรือเหล็ก, เจาะกระแทก (หมุน+กระแทก) สำหรับเจาะปูนที่แข็งมากๆ หรือคอนกรีต และบางรุ่นยังมี สกัด (กระแทกอย่างเดียว) สำหรับงานสกัดปูนเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วย ข้อดีของสว่านโรตารี่คือ แรงเจาะสูงมาก เจาะคอนกรีตหนาๆ หรือปูนแข็งๆ ได้สบายๆ ไม่ต้องออกแรงเยอะเหมือนสว่านกระแทก เหมาะสำหรับงานติดตั้งแอร์ เจาะเพื่อเดินท่อร้อยสายไฟ เจาะพื้นคอนกรีต หรือแม้แต่งานรื้อถอนเล็กๆ น้อยๆ แต่ข้อเสียของมันคือ น้ำหนักค่อนข้างมาก ขนาดใหญ่กว่า และ ราคาสูงกว่า สว่านกระแทกพอสมควร

 

สรุปง่ายๆ นะน้องๆ ถ้างานของเราส่วนใหญ่เป็นงานเบาๆ เจาะผนังอิฐ หรือผนังปูนที่ไม่หนามาก สว่านกระแทก ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้างานของเราเป็นงานหนัก เจอคอนกรีตบ่อยๆ หรือต้องเจาะเยอะๆ สว่านโรตารี่ คือตัวเลือกที่ใช่กว่าเยอะ มันจะช่วยให้งานเราง่ายขึ้นเยอะเลย

 


 

เลือกกำลังไฟและแรงกระแทกให้เหมาะสมกับประเภทงานที่ทำ

 

เอาล่ะ! พอรู้แล้วว่ามีสว่านกระแทกกับสว่านโรตารี่ ทีนี้มาเจาะลึกเรื่อง กำลังไฟ กับ แรงกระแทก กันบ้าง สองสิ่งนี้แหละที่บอกว่าสว่านของเรามันจะแรงแค่ไหน เจาะเข้าไม่เข้างานของเรานี่แหละ

 

เรื่อง กำลังไฟ (วัตต์) เนี่ย มันก็เหมือนกับพละกำลังของสว่าน ยิ่งวัตต์เยอะ ก็ยิ่งมีแรงเยอะขึ้น สามารถเจาะวัสดุที่แข็งได้ง่ายขึ้น และทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยที่เครื่องไม่ร้อนจัดจนเกินไป สำหรับสว่านกระแทก กำลังไฟที่เหมาะสมสำหรับงานทั่วไปในบ้านก็อาจจะอยู่ที่ประมาณ 500-700 วัตต์ก็ถือว่าใช้ได้แล้วนะน้องๆ แต่งานหนักขึ้นมาหน่อย อาจจะต้องมองหา 700-1000 วัตต์ เพื่อให้มีกำลังพอที่จะเจาะผนังที่แข็งขึ้น หรือเจาะได้เร็วขึ้น แต่ถ้าเป็น สว่านโรตารี่ เนี่ย กำลังไฟมันจะเริ่มต้นที่ประมาณ 700-800 วัตต์ ไปจนถึง 1,500 วัตต์ หรือมากกว่านั้นเลย ยิ่งวัตต์สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจาะคอนกรีตที่แข็งแกร่งได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องออกแรงกดเยอะ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากขึ้นและราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วยนะ

 

ส่วน แรงกระแทก (จูล) นี่คือหัวใจสำคัญของสว่านเจาะปูนเลย โดยเฉพาะสว่านโรตารี่ หน่วยวัดมันคือ จูล (Joule) ยิ่งค่าจูลสูงเท่าไหร่ แรงกระแทกที่ส่งไปถึงดอกสว่านก็ยิ่งมากเท่านั้น ทำให้ดอกสว่านเจาะทะลุวัสดุที่แข็งอย่างคอนกรีตได้ง่ายขึ้น แรงกระแทกจะช่วยสกัดเนื้อปูนให้แตกออกไปทีละน้อย ทำให้เราไม่ต้องออกแรงกดมากเหมือนสว่านกระแทกทั่วไป

 

สำหรับงานเจาะปูนทั่วๆ ไปในบ้าน หรืองานติดตั้งที่ไม่ต้องใช้แรงกระแทกสูงมากนัก สว่านโรตารี่ที่มีแรงกระแทกประมาณ 1.5-2.5 จูล ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องเจาะคอนกรีตหนาๆ หรือต้องเจาะรูใหญ่ๆ บ่อยๆ หรือแม้แต่งานสกัดปูนเล็กๆ น้อยๆ ช่างแนะนำให้มองหาสว่านโรตารี่ที่มีแรงกระแทก 3 จูลขึ้นไป ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะมันจะทำให้งานเราง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเสียเวลา และงานก็ออกมาได้คุณภาพ

 

สิ่งที่ต้องจำไว้ก็คือ กำลังไฟและแรงกระแทกควรสัมพันธ์กัน สว่านที่มีกำลังไฟสูงแต่แรงกระแทกน้อย อาจจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน สว่านที่มีแรงกระแทกสูงแต่กำลังไฟน้อย ก็อาจจะทำให้เครื่องร้อนง่าย หรือทำงานได้ไม่ต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นเวลาเลือก ให้ดูทั้งสองอย่างควบคู่กันไป เพื่อให้ได้สว่านที่ตอบโจทย์งานของเรามากที่สุด

 


 

ระบบจับดอกสว่าน SDS Plus และ SDS Max ความลงตัวของการทำงาน

 

เรื่องของ ระบบจับดอกสว่าน นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ช่างอยากจะเน้นย้ำมากๆ เลยนะน้องๆ เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและความสะดวกสบายในการเปลี่ยนดอกสว่านเลยทีเดียว หลักๆ แล้วสำหรับสว่านเจาะปูนโดยเฉพาะสว่านโรตารี่เนี่ย มันจะมีระบบจับดอกอยู่ 2 แบบที่นิยมใช้กันคือ SDS Plus กับ SDS Max

เริ่มจาก SDS Plus ก่อนเลยนะ ระบบนี้เป็นที่นิยมและใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากๆ สำหรับสว่านโรตารี่ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ข้อดีของมันคือ เปลี่ยนดอกสว่านได้ง่ายและรวดเร็ว แค่เสียบดอกเข้าไปก็ล็อกได้เลย ไม่ต้องใช้จำปาขันเหมือนสว่านธรรมดาๆ และเวลาถอดออกก็แค่ดึงปลอกล็อกแล้วดึงดอกออกเท่านั้นเอง สะดวกมากๆ สำหรับช่างที่ต้องเปลี่ยนดอกบ่อยๆ นอกจากนี้ ระบบ SDS Plus ยังช่วยให้การส่งถ่ายแรงกระแทกจากตัวเครื่องไปยังดอกสว่านทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้แรงกระแทกไม่สูญเปล่าไปกับการหมุนฟรี ข้อจำกัดของ SDS Plus คือ มันเหมาะสำหรับดอกสว่านที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก โดยทั่วไปแล้วจะใช้กับดอกสว่านสำหรับเจาะรูขนาดประมาณ 4 มม. ถึง 28 มม. ถ้าใหญ่กว่านี้อาจจะต้องพิจารณาไปใช้ระบบอื่น

 

ทีนี้มาดู SDS Max กันบ้าง ระบบนี้เป็นระบบที่ออกแบบมาสำหรับงานหนักโดยเฉพาะ สำหรับสว่านโรตารี่ขนาดใหญ่ หรือสว่านแย๊ก สกัดปูนโดยเฉพาะ ดอกสว่านของระบบ SDS Max จะมีขนาดใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า และมีร่องบากที่ลึกกว่าระบบ SDS Plus ทำให้สามารถรับแรงกระแทกและแรงบิดได้สูงกว่ามาก เหมาะสำหรับงานเจาะรูขนาดใหญ่มากๆ ตั้งแต่ 20 มม. ขึ้นไป หรือใช้กับดอกสกัดขนาดใหญ่สำหรับงานสกัดปูนหนักๆ ข้อดีของ SDS Max คือ ความแข็งแรงทนทานสูงมาก สามารถรองรับแรงกระแทกและแรงบิดมหาศาลได้สบายๆ ทำให้สามารถทำงานหนักได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ข้อเสียคือ ดอกสว่านและอุปกรณ์เสริมจะมีราคาแพงกว่า และ มีตัวเลือกให้เลือกน้อยกว่า ระบบ SDS Plus

 

สรุปง่ายๆ นะน้องๆ ถ้างานของเราเป็นงานทั่วไป เจาะผนัง เจาะคอนกรีตไม่หนามาก ใช้ดอกสว่านขนาดไม่ใหญ่ SDS Plus คือคำตอบที่ใช่ ประหยัดค่าใช้จ่าย หาดอกง่าย แต่ถ้างานของเราคือเจาะคอนกรีตหนาๆ ขนาดใหญ่มากๆ หรือต้องใช้สว่านสำหรับงานสกัดปูนโดยเฉพาะ SDS Max คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

 


 

คุณสมบัติเสริมสว่านเจาะปูนที่เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัย

 

นอกจากเรื่องหลักๆ ที่ช่างเล่ามาแล้วเนี่ย สว่านเจาะปูนสมัยใหม่มันยังมี คุณสมบัติเสริม อีกมากมายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน และที่สำคัญคือเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวเราด้วยนะน้องๆ ช่างบอกเลยว่าถ้ามีงบประมาณเหลือๆ ลองมองหาสว่านที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ติดมาด้วย จะช่วยให้งานเราง่ายขึ้นเยอะเลย

 

อย่างแรกเลยคือ ระบบคลัตช์นิรภัย (Safety Clutch) หรือบางทีก็เรียกว่า Overload Clutch คุณสมบัตินี้สำคัญมากๆ เลยนะน้องๆ มันจะช่วยป้องกันอันตรายจากการที่ดอกสว่านไปติดขัดกับเหล็กเส้น หรือวัสดุแข็งๆ ใต้ผนัง เวลาที่ดอกสว่านติด เครื่องจะหยุดการหมุนอัตโนมัติทันที เพื่อป้องกันไม่ให้สว่านสะบัดกลับมาทำอันตรายต่อข้อมือหรือแขนของเรา รวมถึงช่วยป้องกันมอเตอร์ไหม้ด้วย ใครที่ทำงานเจาะผนังบ่อยๆ ช่างแนะนำให้มองหาสว่านที่มีระบบนี้เลยนะ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง

 

ต่อมาคือ ระบบควบคุมความเร็วรอบ (Variable Speed) คุณสมบัตินี้จะช่วยให้เราสามารถปรับความเร็วในการหมุนของดอกสว่านได้ตามความเหมาะสมกับวัสดุที่เราจะเจาะ เช่น ถ้าเจาะไม้หรือเหล็ก อาจจะใช้ความเร็วรอบสูงหน่อย แต่ถ้าเจาะปูน หรือคอนกรีต ควรใช้ความเร็วรอบที่ต่ำลง เพื่อลดการสึกหรอของดอกสว่านและควบคุมการเจาะได้ง่ายขึ้น บางรุ่นก็เป็นแบบปรับได้ที่สวิตช์กดเลย กดเบาก็หมุนช้า กดแรงก็หมุนเร็ว สะดวกมากๆ

 

อีกอย่างที่น่าสนใจคือ ระบบลดแรงสั่นสะเทือน (Anti-Vibration System) สว่านเจาะปูนโดยเฉพาะสว่านโรตารี่เนี่ย เวลาทำงานมันจะเกิดแรงสั่นสะเทือนเยอะมากๆ ยิ่งทำงานนานๆ มือจะชา หรืออาจจะทำให้เมื่อยล้าได้ง่าย ระบบลดแรงสั่นสะเทือนจะช่วยลดแรงสะท้อนกลับมาที่มือและแขนของเรา ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างสบายขึ้น และทำงานได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้ามากนัก

 

นอกจากนี้ก็ยังมีคุณสมบัติเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไฟ LED ส่องสว่างบริเวณปลายดอกสว่าน ช่วยให้เรามองเห็นจุดเจาะได้ชัดเจนขึ้นในที่มืดๆ, ปุ่มล็อกการทำงานแบบต่อเนื่อง ช่วยให้เราไม่ต้องกดปุ่มค้างไว้ตลอดเวลาเวลาเจาะรูเยอะๆ, หรือ ระบบป้องกันฝุ่นละออง ช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวเครื่องให้ยาวนานขึ้น

 

การเลือกสว่านที่มีคุณสมบัติเสริมเหล่านี้ อาจจะทำให้ราคาของสว่านสูงขึ้นเล็กน้อย แต่มันก็คุ้มค่ากับการลงทุนนะน้องๆ เพราะมันช่วยให้เราทำงานได้สะดวกสบายขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และที่สำคัญคือ ช่วยยืดอายุการใช้งานของสว่านของเราให้ยาวนานขึ้น ด้วย

 


 

ดูแลรักษาสว่านเจาะปูนยังไง ให้อยู่คู่กับช่างไปนานๆ

 

เอาล่ะน้องๆ! ซื้อสว่านดีๆ มาใช้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะใช้มันอย่างเดียวจนพังนะ การ ดูแลรักษาสว่านเจาะปูน อย่างถูกวิธีเนี่ย เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เลยนะ มันจะช่วยยืดอายุการใช้งานของสว่านให้ยาวนานขึ้น ประหยัดค่าซ่อมบำรุง และที่สำคัญคือ ทำให้สว่านของเราพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เวลาที่เราต้องการมัน

 

สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ ทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้ง อย่าปล่อยให้ฝุ่นผงปูน หรือเศษวัสดุต่างๆ ไปเกาะติดอยู่ในตัวเครื่อง หรือตามช่องระบายอากาศ เพราะฝุ่นพวกนี้แหละตัวการสำคัญที่ทำให้มอเตอร์ร้อนจัด และอาจจะทำให้มอเตอร์ไหม้ได้ ใช้แปรงปัดเบาๆ หรือใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องให้เรียบร้อย อย่าลืมดูดฝุ่นตรงช่องระบายอากาศด้วยนะ

 

ต่อมาคือ เก็บรักษาในที่แห้งและปลอดภัย อย่าทิ้งสว่านไว้กลางแดดจัดๆ หรือในที่ที่เปียกชื้น เพราะความชื้นจะทำให้ชิ้นส่วนภายในเกิดสนิม และอาจจะทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจรได้ ควรเก็บสว่านไว้ในกล่องเก็บเครื่องมือ หรือในตู้เก็บของที่แห้งและมิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจากการตกหล่น หรือถูกกระแทก

 

ตรวจสอบสภาพสายไฟและปลั๊กไฟเป็นประจำ ก่อนใช้งานทุกครั้ง ให้ตรวจดูว่าสายไฟมีรอยฉีกขาด หรือรอยแตกหรือไม่ ปลั๊กไฟยังอยู่ในสภาพดี ไม่หลวม หรือมีรอยไหม้ เพราะถ้าสายไฟชำรุด อาจจะเกิดอันตรายจากการถูกไฟฟ้าดูดได้ และถ้าพบว่าชำรุด ให้รีบนำไปซ่อมแซม หรือเปลี่ยนใหม่ทันที อย่าฝืนใช้เด็ดขาดนะน้องๆ

 

หมั่นตรวจสอบดอกสว่าน ดอกสว่านที่ทื่อ หรือบิดงอ จะทำให้การเจาะเป็นไปอย่างยากลำบาก และอาจจะทำให้ตัวเครื่องทำงานหนักเกินไปจนเกิดความเสียหายได้ ถ้าพบว่าดอกสว่านทื่อแล้ว ก็ควรเปลี่ยนใหม่ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีที่สุด

 

สุดท้ายคือ นำเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบและบำรุงรักษาตามระยะเวลา เหมือนรถยนต์เลยนะน้องๆ สว่านเองก็ต้องการการบำรุงรักษาจากช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบสภาพภายใน ทำความสะอาดชิ้นส่วนต่างๆ และหล่อลื่นส่วนที่จำเป็น การทำแบบนี้จะช่วยให้สว่านของเราอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ และยืดอายุการใช้งานไปได้อีกนานเลย

 

จำไว้นะน้องๆ การดูแลรักษาสว่านอย่างดี ไม่ใช่แค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ยังช่วยให้งานของเราดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และปลอดภัยอีกด้วย


 

ก่อนตัดสินใจซื้อสว่านเจาะปูน ต้องพิจารณาอะไรบ้างให้คุ้มค่าที่สุด

 

มาถึงช่วงสุดท้ายแล้วนะน้องๆ ช่างเชื่อว่าตอนนี้หลายคนคงพอจะเห็นภาพแล้วว่าสว่านเจาะปูนเนี่ยมันมีอะไรบ้าง ต้องเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับงานของเรา แต่ก่อนที่จะควักกระเป๋าซื้อ ช่างมีข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก เพื่อให้การตัดสินใจของเราคุ้มค่าที่สุด!

 

อย่างแรกเลยคือ งบประมาณในกระเป๋า เรามีงบเท่าไหร่? สว่านเจาะปูนมันมีราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น หรือบางทีก็เป็นแสนเลยนะน้องๆ ถ้างานเราไม่หนักมาก ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ สว่านราคาไม่แพงมากก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเราเป็นช่างมืออาชีพที่ใช้งานทุกวัน งานหนักตลอด ก็ควรลงทุนกับสว่านที่มีคุณภาพดีหน่อย เพื่อประสิทธิภาพและความทนทานในระยะยาว

 

ต่อมาคือ ประเภทของงานที่เราจะใช้บ่อยที่สุด คิดภาพตามนะ ถ้างานของเราส่วนใหญ่คือการเจาะผนังอิฐ ติดตั้งของเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน สว่านกระแทก ก็คือคำตอบที่ใช่ ประหยัดเงินกว่า น้ำหนักเบากว่า แต่ถ้างานของเราคือการเจาะคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นประจำ เจาะรูใหญ่ๆ หรือต้องสกัดปูนบ้างเล็กน้อย สว่านโรตารี่ คือตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าเยอะ อย่าซื้อเผื่อเยอะเกินไปจนไม่คุ้มค่า หรือซื้อน้อยเกินไปจนใช้งานไม่ได้

 

ยี่ห้อและความน่าเชื่อถือ อันนี้สำคัญมากๆ เลยนะน้องๆ สว่านเจาะปูนเนี่ยมันมีหลายยี่ห้อในตลาด ทั้งยี่ห้อดังๆ ที่เรารู้จักกันดี ไปจนถึงยี่ห้อที่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก ช่างแนะนำให้เลือกยี่ห้อที่มีชื่อเสียง มีศูนย์บริการหลังการขายที่ชัดเจน และมีอะไหล่รองรับ เพราะเวลาที่สว่านเสีย หรือต้องการซ่อมแซม เราจะได้ไม่ลำบาก ยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ มักจะมาพร้อมกับคุณภาพที่ดีกว่า และการรับประกันที่อุ่นใจกว่า

 

การรับประกันสินค้า ก่อนซื้อทุกครั้ง ตรวจสอบเรื่องการรับประกันให้ดีๆ ว่ารับประกันนานแค่ไหน ครอบคลุมอะไรบ้าง และมีเงื่อนไขอย่างไร การรับประกันที่ดีจะช่วยให้เราอุ่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าถ้าเกิดปัญหาขึ้นกับสว่านในระยะเวลาที่กำหนด เราจะสามารถส่งซ่อม หรือเปลี่ยนสินค้าได้

 

และสุดท้ายคือ ลองจับ ลองถือ ลองใช้งานจริง ถ้าเป็นไปได้นะน้องๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ลองไปที่ร้าน แล้วลองจับ ลองถือสว่านดูว่าน้ำหนักเหมาะสมกับเราไหม ขนาดกำลังดีหรือเปล่า ลองกดปุ่ม ลองปรับโหมดดูว่าใช้งานง่ายไหม บางทีสเปคในกระดาษอาจจะดูดี แต่พอมาจับจริงแล้วอาจจะไม่ถนัดมือก็เป็นได้ การได้ลองสัมผัสจริง จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นเยอะเลย

 

จำไว้นะน้องๆ การเลือกซื้อสว่านเจาะปูนที่ดีและเหมาะสมกับงานของเรา ไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุน แต่เป็นเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และความปลอดภัยของตัวเราเองด้วย หวังว่าข้อมูลที่ช่างใหญ่เอามาเล่าในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆ ทุกคนนะ ใครมีคำถาม หรืออยากรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติม ถามมาได้เลย ช่างใหญ่ยินดีตอบทุกคำถาม!

 

TOP 0 สว่านโรตารี่ไร้สาย ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดี ปี 2025
ดูสว่านโรตารี่ไร้สายทั้งหมด
สินค้า สว่านโรตารี่ไร้สาย ปี2025 ที่น่าสนใจ
ดูทั้งหมด
wayoza.com