หน้าแรก
- - - - -SHOP- - - - -
WishList
ถึงเวลาอัปเกรดเครื่องมือช่างคู่ใจของคุณแล้ว!
บทความ
เกี่ยวกับเรา
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ >>
สว่านไฟฟ้า: เลือกวัตต์เท่าไหร่ดีสำหรับงานช่าง
สว่านไฟฟ้า: เลือกวัตต์เท่าไหร่ดีสำหรับงานช่าง

สว่านไฟฟ้า: เลือกวัตต์เท่าไหร่ดีสำหรับงานช่าง

 


 

สวัสดีครับพี่น้องชาว DIY และช่างมือโปรทุกท่านที่กำลังเล็งหาสว่านคู่ใจตัวใหม่เข้าบ้าน! ผมเข้าใจดีเลยว่าการเลือกซื้อสว่านไฟฟ้าสักเครื่องมันไม่ง่ายเหมือนซื้อผักซื้อปลาในตลาด ยิ่งเดี๋ยวนี้มีสว่านออกมาเยอะแยะไปหมดจนตาลายไปหมดแล้วใช่มั้ยล่ะ? คำถามโลกแตกที่ผมได้ยินบ่อยที่สุดคือ "พี่ครับ สว่านไฟฟ้าเนี่ย ควรเลือกกี่วัตต์ดีครับ?" วันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจให้กระจ่าง เหมือนพาพวกคุณไปเปิดโลกการทำงานของสว่านไฟฟ้าแบบเจาะลึก ถึงแก่นแท้กันเลยทีเดียว

 

ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกเรื่องวัตต์ ผมอยากให้พวกคุณลองหลับตานึกภาพตามผมนะ…

 

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะเจาะผนังคอนกรีตหนาปึ้ก เพื่อจะติดตั้งชั้นวางของสวยๆ ให้ภรรยาที่คุณรัก แต่สว่านที่คุณมีอยู่น่ะเหรอ? เสียงเครื่องครางหงิงๆ เหมือนลูกแมวถูกทับ กำลังก็ไม่มี หัวสว่านก็หมุนเอื่อยๆ สุดท้ายผนังก็ไม่เข้า รูไม่เกิด งานไม่เสร็จ แถมได้ยินเสียงถอนหายใจของคนข้างๆ อีกต่างหาก ความรู้สึกแบบนี้มันน่าหงุดหงิดใช่มั้ยล่ะ?

 

แต่ถ้าคุณมีสว่านไฟฟ้าที่ "ใช่" สำหรับงานนั้นๆ คุณจะรู้สึกยังไง? เสียงเครื่องที่คำรามอย่างทรงพลัง ปลายสว่านเจาะทะลุผนังอย่างนุ่มนวลและแม่นยำ ฝุ่นฟุ้งกระจายเล็กน้อย แต่รูที่ได้มานั้นกลมกริบ สวยงาม ชั้นวางของถูกติดตั้งอย่างมั่นคง ภรรยาหันมายิ้มให้คุณด้วยความชื่นชม มันไม่ใช่แค่สว่าน แต่มันคือ ความมั่นใจ มันคือ ความภาคภูมิใจ ที่คุณได้สร้างสรรค์ผลงานด้วยสองมือของคุณเอง

 

นี่แหละครับคือหัวใจสำคัญของการเลือกสว่านไฟฟ้าให้เหมาะสม มันไม่ใช่แค่ตัวเลขวัตต์ แต่มันคือประสิทธิภาพที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จในทุกๆ งานช่าง

 


 

สว่านไฟฟ้า กี่วัตต์ดี? ทำไมต้องรู้เรื่องวัตต์?

 

มาเริ่มกันที่คำถามพื้นฐานก่อนเลยว่า "วัตต์" มันคืออะไรกันแน่? พูดง่ายๆ เลยนะพี่น้อง วัตต์ (Watt) คือหน่วยวัดกำลังไฟฟ้าครับ ยิ่งตัวเลขวัตต์สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่ามอเตอร์ของสว่านตัวนั้นมี "กำลัง" มากเท่านั้น และกำลังที่ว่านี้แหละครับที่จะส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการทำงานของสว่าน

 

ลองนึกภาพนักมวยปล้ำดูสิครับ นักมวยปล้ำตัวใหญ่ๆ ที่มีกล้ามเนื้อแน่นปึ้ก ย่อมมีพละกำลังมากกว่านักมวยปล้ำตัวเล็กๆ สว่านก็เช่นกันครับ สว่านที่มีกำลังวัตต์สูงก็เปรียบเสมือนนักมวยปล้ำร่างยักษ์ ที่พร้อมจะต่อสู้กับวัสดุแข็งๆ ได้อย่างไม่เกรงกลัว

 

แต่การมีกำลังเยอะๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าดีเสมอไปนะครับ เหมือนนักมวยปล้ำตัวใหญ่ๆ ที่อาจจะเคลื่อนไหวช้า หรือกินเยอะกว่าปกติ สว่านวัตต์สูงก็อาจจะมีน้ำหนักมาก กินไฟเยอะกว่า และราคาแพงกว่าสว่านวัตต์ต่ำ

 

ดังนั้น การทำความเข้าใจเรื่องวัตต์ จึงเป็นเหมือนการรู้จัก "ขีดจำกัด" และ "ศักยภาพ" ของสว่านแต่ละประเภท เพื่อให้คุณสามารถเลือกสว่านที่เหมาะสมกับงานที่คุณจะทำได้อย่างแท้จริง ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เรียกว่า "พอดีคำ" ครับ

 


 

กำลังสว่านไฟฟ้า: เลือกวัตต์ตามประเภทงานช่างที่ทำ

 

นี่คือหัวใจสำคัญที่เราจะมาเจาะลึกกันเลยครับ เพราะงานช่างแต่ละประเภทมันต้องการกำลังสว่านที่ไม่เท่ากัน การเลือกวัตต์ให้เหมาะสมกับงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเลือกผิดล่ะก็ คุณอาจจะเจอปัญหาเหมือนที่ผมเล่าไปตอนต้นบทความเลยก็ได้

 

  • งานเบาๆ สบายๆ (200-450 วัตต์): ถ้างานของคุณส่วนใหญ่เป็นงานเล็กๆ น้อยๆ เช่น เจาะไม้เนื้ออ่อน เจาะพลาสติก เจาะแผ่นยิปซัม หรือขันสกรูประกอบเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ต้องใช้แรงบิดมหาศาล สว่านไฟฟ้าที่มีกำลังวัตต์ประมาณ 200-450 วัตต์ก็เพียงพอแล้วครับ สว่านประเภทนี้มักจะมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับงานในบ้านทั่วไป หรือสำหรับมือใหม่หัดช่างที่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้สว่านมากนัก ข้อดีของสว่านกลุ่มนี้คือ คล่องตัว ครับ คุณสามารถหยิบจับใช้งานได้ง่าย พกพาสะดวก เหมาะกับการทำงานในพื้นที่แคบๆ หรือที่สูงๆ ที่ต้องการความเบาแรง แต่ก็ต้องยอมรับว่ากำลังมันอาจจะไม่เหลือเฟือเท่าไหร่ ถ้าเจอไม้เนื้อแข็ง หรือเหล็กบางๆ ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการเจาะนานหน่อย หรืออาจจะเจาะไม่เข้าเลยก็เป็นได้ครับ
  • งานปานกลาง (450-750 วัตต์): นี่คือช่วงวัตต์ที่ผมอยากจะแนะนำสำหรับช่างสมัครเล่น หรือคนที่ต้องการสว่านตัวเดียวจบ ทำได้หลากหลายงานในบ้านครับ สว่านในช่วง 450-750 วัตต์นี้ ถือเป็น "ม้างาน" ที่แท้จริง สามารถรองรับงานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเจาะไม้เนื้อแข็ง เจาะเหล็กแผ่นบางๆ เจาะปูน (ในโหมดกระแทก) หรืองานซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงงานประกอบโครงสร้างเฟอร์นิเจอร์ขนาดกลาง สว่านกลุ่มนี้มักจะมีฟังก์ชันครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับความเร็วรอบ ระบบหมุนซ้าย-ขวา หรือโหมดกระแทก ซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่า และ อเนกประสงค์ มากๆ ครับ คุณจะรู้สึกได้ถึงกำลังที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงความคล่องตัวในการใช้งานอยู่ ไม่หนักจนเกินไป และไม่เบาจนขาดประสิทธิภาพ พูดง่ายๆ คือเป็นสว่านที่ "เอาอยู่" สำหรับงานช่างทั่วไปครับ
  • งานหนัก งานมืออาชีพ (750 วัตต์ขึ้นไป): สำหรับช่างมืออาชีพที่ต้องทำงานหนักเป็นประจำ หรือคนที่ต้องเจาะคอนกรีตหนาๆ เจาะอิฐมอญ เจาะเหล็กหนาๆ หรือใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ เช่น งานติดตั้งโครงสร้าง งานก่อสร้าง หรืองานที่ต้องใช้แรงบิดสูงๆ อย่างการผสมปูนซีเมนต์ หรือเจาะรูขนาดใหญ่ สว่านไฟฟ้าที่มีกำลังวัตต์ 750 วัตต์ขึ้นไปคือคำตอบครับ สว่านกลุ่มนี้มักจะเป็นสว่านโรตารี่ (Rotary Hammer) หรือสว่านกระแทก (Impact Drill) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับงานหนักโดยเฉพาะ มีมอเตอร์ที่ทรงพลัง ระบบเกียร์ที่แข็งแกร่ง และระบบกระแทกที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถเจาะทะลุวัสดุแข็งๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ข้อดีของสว่านกลุ่มนี้คือ กำลังมหาศาล ครับ มันจะทำให้งานยากๆ กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่มาก ขนาดที่ใหญ่ขึ้น และราคาที่สูงกว่าสว่านทั่วไปครับ อย่างไรก็ตาม ถ้างานของคุณจำเป็นต้องใช้กำลังขนาดนี้ การลงทุนกับสว่านวัตต์สูงจะช่วยให้งานของคุณเสร็จเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแน่นอนครับ

 


 

แรงบิดสว่าน: สำคัญแค่ไหนในการเลือกสว่านไฟฟ้า?

 

นอกจากวัตต์แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยครับ นั่นคือ แรงบิด (Torque) พูดง่ายๆ แรงบิดคือ "แรงหมุน" ของสว่านครับ ยิ่งสว่านมีแรงบิดสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแรงในการขันสกรู หรือเจาะวัสดุที่แข็งและหนาได้ดีขึ้นเท่านั้น

 

ลองนึกภาพการขันสกรูตัวใหญ่ๆ เข้าไปในไม้เนื้อแข็งดูสิครับ ถ้าสว่านของคุณมีแรงบิดไม่พอ สกรูอาจจะหมุนไม่เข้า หรือหัวสกรูอาจจะเสียหายได้ แต่ถ้าสว่านมีแรงบิดที่เหมาะสม สกรูจะหมุนเข้าไปได้อย่างราบรื่นและแน่นหนา

 

สว่านบางรุ่นจะมีระบบปรับแรงบิด (Clutch) ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ขันสกรูแน่นเกินไปจนหัวสกรูเสียหาย หรือเกลียวหวานได้ ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์มากสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำในการขันสกรู เช่น การประกอบเฟอร์นิเจอร์ หรือการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ

 

โดยทั่วไปแล้ว สว่านที่มีวัตต์สูง มักจะมีแรงบิดที่สูงตามไปด้วยครับ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะแรงบิดยังขึ้นอยู่กับการออกแบบมอเตอร์และชุดเกียร์ภายในด้วย ดังนั้น เวลาเลือกซื้อสว่าน อย่าลืมดูข้อมูลเรื่องแรงบิดประกอบการตัดสินใจด้วยนะครับ โดยเฉพาะถ้างานของคุณเกี่ยวข้องกับการขันสกรูเป็นหลัก

 


 

สว่านไฟฟ้าไร้สาย: วัตต์เทียบกับโวลต์ เลือกแบบไหนดี?

 

เดี๋ยวนี้สว่านไฟฟ้าไร้สายกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเลยใช่มั้ยครับ? สะดวกสบาย ไม่มีสายไฟเกะกะ พกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย แต่คำถามคือ "แล้วเราจะดูวัตต์ยังไงล่ะ ในเมื่อมันบอกแต่โวลต์?"

 

สำหรับสว่านไร้สาย เราจะดูที่ โวลต์ (Voltage) ของแบตเตอรี่เป็นหลักครับ ยิ่งโวลต์สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่าแบตเตอรี่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากเท่านั้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกำลังของมอเตอร์และประสิทธิภาพการทำงานของสว่านโดยรวม

 

  • 12V: เหมาะสำหรับงานเบาๆ ทั่วไปในบ้าน เช่น เจาะไม้บางๆ ขันสกรูเล็กๆ น้อยๆ หรือประกอบเฟอร์นิเจอร์
  • 18V/20V (Max): เป็นที่นิยมและอเนกประสงค์ที่สุดครับ สามารถรองรับงานได้หลากหลาย ตั้งแต่งานเบาไปจนถึงงานปานกลาง เจาะไม้เนื้อแข็ง เจาะเหล็กบางๆ หรือใช้งานขันสกรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • 36V ขึ้นไป: สำหรับงานหนัก งานมืออาชีพ ที่ต้องการกำลังเทียบเท่าสว่านมีสาย หรือต้องการแรงบิดสูงๆ สำหรับงานเฉพาะทาง

 

แม้ว่าสว่านไร้สายจะไม่ได้บอกเป็นวัตต์ตรงๆ เหมือนสว่านมีสาย แต่คุณก็สามารถประเมินกำลังของมันได้จากโวลต์ของแบตเตอรี่ครับ โดยทั่วไปแล้ว สว่านไร้สาย 18V-20V (Max) จะมีกำลังเทียบเท่ากับสว่านมีสายประมาณ 400-600 วัตต์ ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับงาน DIY ทั่วไปแล้วครับ

 

ข้อดีของสว่านไร้สายคือ ความสะดวกสบาย และ คล่องตัว ครับ แต่ข้อจำกัดคือเรื่องของระยะเวลาการใช้งานที่ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ และราคาที่อาจจะสูงกว่าสว่านมีสายที่มีกำลังเท่ากันครับ แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับความคล่องตัวเป็นหลัก สว่านไร้สายคือตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว

 


 

คำแนะนำเพิ่มเติม: เลือกสว่านไฟฟ้าให้คุ้มค่าที่สุด

 

นอกเหนือจากเรื่องวัตต์และแรงบิดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่คุณควรพิจารณาในการเลือกซื้อสว่านไฟฟ้า เพื่อให้ได้ของที่คุ้มค่าที่สุดและตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุดครับ

 

  • ประเภทของหัวจับดอกสว่าน (Chuck Type): มีทั้งแบบที่ต้องใช้ประแจขัน (Keyed Chuck) และแบบไม่ต้องใช้ประแจ (Keyless Chuck) แบบ Keyless Chuck จะสะดวกกว่าในการเปลี่ยนดอกสว่านครับ แต่แบบ Keyed Chuck จะจับดอกสว่านได้แน่นหนากว่า เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้แรงบิดสูงๆ
  • ความเร็วรอบ (RPM): สว่านบางรุ่นสามารถปรับความเร็วรอบได้ ซึ่งมีประโยชน์มากในการเจาะวัสดุที่แตกต่างกัน การเจาะวัสดุแข็งๆ เช่น โลหะ ควรใช้ความเร็วรอบต่ำ แต่การเจาะไม้ หรือพลาสติก สามารถใช้ความเร็วรอบสูงได้
  • น้ำหนักและขนาด: ถ้าคุณต้องใช้งานเป็นเวลานานๆ หรือต้องยกสว่านขึ้นสูงๆ น้ำหนักของสว่านเป็นสิ่งสำคัญมากครับ เลือกสว่านที่จับถนัดมือ ไม่หนักจนเกินไป เพื่อลดอาการเมื่อยล้า
  • ยี่ห้อและความน่าเชื่อถือ: เลือกซื้อสว่านจากยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เพราะมักจะมีคุณภาพที่ดีกว่า มีอะไหล่และศูนย์บริการรองรับในอนาคตครับ
  • งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่คุณตั้งไว้ และพยายามหาสว่านที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในงบประมาณนั้นครับ บางครั้งการลงทุนเพิ่มอีกนิดหน่อย อาจจะได้สว่านที่ดีกว่าและใช้งานได้นานกว่าก็เป็นได้
  • ฟังก์ชันเสริม: สว่านบางรุ่นอาจมีฟังก์ชันเสริมอื่นๆ เช่น ไฟ LED ส่องสว่างขณะทำงาน, ที่เก็บดอกสว่านในตัว หรือระบบดูดฝุ่น ซึ่งฟังก์ชันเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณก็ได้ครับ

 

จำไว้นะครับว่า "สว่านที่ดีที่สุด ไม่ใช่สว่านที่แพงที่สุด หรือวัตต์สูงสุด" แต่คือ "สว่านที่เหมาะสมที่สุดกับงานที่คุณจะทำ"


 

สรุป: สว่านคู่ใจของคุณ อยู่ที่ไหน?

 

หวังว่าข้อมูลที่ผมนำมาฝากในวันนี้จะช่วยให้พี่น้องทุกท่านกระจ่างขึ้นเกี่ยวกับเรื่องวัตต์ของสว่านไฟฟ้า และสามารถเลือกสว่านคู่ใจตัวใหม่ได้อย่างมั่นใจนะครับ การลงทุนกับเครื่องมือช่างดีๆ สักชิ้น ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ ครับ เพราะมันจะช่วยให้งานของคุณง่ายขึ้น เร็วขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

 

ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ลองพิจารณาประเภทของงานที่คุณจะทำเป็นประจำ งบประมาณที่คุณมี และความต้องการส่วนตัวของคุณให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยเลือกสว่านที่ตอบโจทย์เหล่านั้นครับ

 

สว่านไฟฟ้าไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่มันคือผู้ช่วยที่จะทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง มันจะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ ซ่อมแซม และเติมเต็มสิ่งต่างๆ ในบ้านได้อย่างภาคภูมิใจ

 

วันนี้คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเลือกสว่านไฟฟ้าที่ใช่ สำหรับงานช่างของคุณ? อย่ารอช้าครับ ออกไปเลือกสว่านที่ตอบโจทย์ แล้วมาลุยงานช่างกันเลย! คุณจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง และความสนุกสนานในการทำงานช่างที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอนครับ!

 

TOP 0 สินค้ายอดนิยม ปี 2025
ดูสินค้าทั้งหมด
สินค้าปี2025 ที่น่าสนใจ
ดูทั้งหมด
wayoza.com